วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทฤษฏีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม

ทฤษฏีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม (Cognitivism)
            ประสาท อิศรปรีดา (2538:303) กล่าวไว้ว่า ทรรศนะสำคัญของทฤษฏีปัญญานิยม ก็คือ เขาคิดว่าพฤติกรรมเชิงบุคคลไม่ได้เกิดจากการตอบสนองต่อเหตุการณ์ภายนอก หรือจากภาวะไม่สมดุลทางกาย เช่นความหิว หรือความกระหาย เหมือนที่กลุ่มพฤติกรรมนิยมกล่าวไว้ แต่พฤติกรรมทั้งหลายเกิดจากการแปลความหมาย จากเหตุการณ์เหล่านั้น (นักจิตวิทยา ปัญญานิยม นิยมใช้คำว่า การรับรู้ ) เช่น เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน ท่านก็จะรู้สึกลุกลี้ลุกลน ทำงานต่อไม่ได้ เพราะถึงเวลาไปรับประทานอาหาร ลักษณะนี้อธิบายได้ว่า พฤติกรรมการลุกลี้ลุกลน หรือหงุดหงิดของท่าน ไม่ได้เกิดจากการขาดอาหารแต่เกิดจากการแปลความหมายว่าเที่ยงแล้ว ถึงเวลาที่ท่านจะต้องไปรับประทานอาหารเป็นต้น นักจิตวิทยา กลุ่มนี้ได้เชื่อว่า พฤติกรรมจะถูกกำหนดความคิด ความเชื่อ ความคาดหวัง เป้าหมาย ค่านิยม ไม่ได้เกิดจากการที่ได้รับรางวัลหรือตัวเสริมแรง 
            พรรณี ช. เจนจิต (2538: 404-406) กล่าวไว้ว่า แนวคิดของนักจิตวิทยากลุ่มนี้มีความเห็นว่า การศึกษาพฤติกรรมควรเน้นความสำคัญของการะบวนการคิดและการรับรู้ของคนได้ให้ข้อเสนอ แนะว่าคนทุกคนมีธรรมชาติภายในที่ใฝ่ใจใคร่เรียนเพื่อก่อให้เกิดสภาพที่สมดุลดังนี้นั้นการที่เด็ก ได้มีโอกาสเรียนตามความต้องการและความสนใจของตนจะเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเด็ก มากกว่าที่ครูหรือผู้อื่นจะบอกให้ ซึ่งก็คือ การจัดการเรียนการสอน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
           ณัชชากัญญ์ วิรัตนชัยวรรณ (https://www.l3nr.org/posts/386486) กล่าวไว้ว่า ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยม (Cognitive) เน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิด ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของสมอง นักคิดกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ไม่ใช่เรื่องของพฤติกรรมที่เกิดจากกระบวนการตอบสนองต่อสิ่งเร้าเพียงเท่านั้น การเรียนรู้ของมนุษย์มีความซับซ้อนยิ่งไปกว่านั้น การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสมข้อมูล การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทำและการแก้ปัญหาต่างๆ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสติปัญญาของมนุษย์ในการที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ตนเอง ทฤษฏีในกลุ่มนี้ที่สำคัญๆ มี 5 ทฤษฏี คือ
ทฤษฎีเกสตัลท์ (Gestalt Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดซึ่งเป็นกระบวนการภายในตัวมนุษย์ บุคคลจะเรียนรู้จากสิ่งเร้าที่เป็นส่วนรวมได้ดีกว่าส่วนย่อย หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้จะเน้นกระบวนการคิด การสอนโดยเสนอภาพรวมก่อนการเสนอส่วนย่อย ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์มากและหลากหลายซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนสามรถคิดแก้ปัญหา คิดริเริ่มและเกิดการเรียนรู้แบบหยั่งเห็นได้
ทฤษฎีสนาม (Field Theory) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีแรงจูงใจหรือแรงขับที่จะกระทำให้ไปสู่จุด หมายปลายทางที่ตนต้องการ หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการเข้าไปอยู่ใน “โลก” ของผู้เรียนการสร้างแรงจูงใจหรือแรงขับโดยการจัดสิ่งแวด ล้อมทั้งทางกายภาพและจิตวิทยาให้ดึงดูดความสนใจและสนองความต้องการของผู้ เรียนเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
ทฤษฎีเครื่องหมาย (Sign Theory) ของทอลแมน (Tolman) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้ คือ การเรียนรู้เกิดจากการใช้เครื่องหมายเป็นตัวชี้ทางให้แสดงพฤติกรรมไปสู่จุดหมายปลายทาง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้เน้นการสร้างแรงขับและหรือแรงจูงใจให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมายใดๆ โดยใช้เครื่องหมาย สัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นๆ ที่เป็นเครื่องชี้ทางควบคู่ไปด้วย
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญา(Intellectual Development Theory) นักคิดคนสำคัญของทฤษฏีนี้มีอยู่ 2 ท่าน ได้แก่ เพียเจต์(Piaget) และบรุนเนอร์(Bruner) แนวความคิดเกี่ยวกับการเรียนรู้ของทฤษฏีนี้เน้นเรื่อง พัฒนาการทางสติปัญญญาของบุคคลที่เป็นไปตามวัยและเชื่อว่ามนุษย์เลือกที่จะ รับรู้สิ่งที่ตนเองสนใจและการเรียนรู้เกิดจากระบวนการการค้นพบด้วยตนเอง หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ คำนึงถึงพัฒนาการทางสติปัญญาของผู้เรียนและจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนอย่าง เหมาะสมกับพัฒนาการนั้น ให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมมากๆ ควรเด็กได้ค้นพบการเรียนรู้ด้วยตนเอง ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิดอย่างอิสระและสอนการคิดแบบรวบยอดเพื่อช่วยส่ง งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผุ้เรียน
ทฤษฏีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย (A Theory of Meaningful Verbal Learning) ของออซูเบล (Ausubel) เชื่อว่า การเรียนรู้จะมีความหมายแก่ผู้เรียน หากการเรียนรู้นั้นสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่รู้มาก่อน หลักการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฏีนี้ คือ มีการนำเสนอความคิดรวบยอดหรือกรอบมโนทัศน์ หรือกรอบแนวคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแก่ผู้เรียนก่อนการสอนเนื้อหาสาระนั้นๆ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาสาระนั้นอย่างมีความหมาย
            สรุป
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจะพิจารณาว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือไม่ก็ดูจากการเปลี่ยนแปลงอัตราการตอบสนองและสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราการตอบสนองก็คือผลกรรมหรือสิ่งที่ได้รับจากผลกรรมนั้นว่าจะเป็นเช่นไร ถ้าหากผลที่ได้รับก่อให้เกิดความพอใจ อินทรีย์ก็จะมีแนวโน้มกระทำพฤติกรรมนั้นถี่หรือเพิ่มมากขึ้น การดำเนินการเพื่อให้อินทรีย์ได้รับผลที่พึ่งพอใจ การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบการเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขตอบสนองเพื่อวางเงื่อนไข (cs) หลักสำคัญก็คือ จะต้องให้ US หลัง CS อย่างกระชั้นชิด คือเพียงเสี้ยววินาทีและจะต้องทำซ้ำๆกัน บุคคลจะมีการลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึ่งพอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้แล้วบุคคลจะใช้รูปแบบการตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียว

         ที่มา

ประสาท  อิศรปรีดา.(2538).สารัตถะจิตวิทยาการศึกษา.มหาสารคาม : นำอักษรการพิมพ์.เข้าถึงเมื่อ                    23/07/2558.
พรรณี ช. เจนจิต.(2538).จิตวิทยาการเรียนการสอน.นนทบุรี : สำนักพิมพ์ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ.เข้าถึง                เมื่อ 23/07/2558.
ณัชชากัญญ์.https://www.l3nr.org/posts/386486.[online].เข้าถึงเมื่อ 23/07/2558.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น